โรคกษัยเส้น เป็นโรคแห่งความเสื่อมโทรมของร่างกาย

หมวดหมู่ :

490 บาท

ตามความหมายของแพทย์แผนโบราณ โรคกษัยเส้น เป็นโรคแห่งความเสื่อมโทรมของร่างกาย โดยไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค แต่เกิดจากร่างกายจากความเสื่อมสภาพของธาติทั้ง 4 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ จึงทำให้ร่างกายอ่อนแอ สุขภาพทรุดโทรมลงจนทำงานไม่ได้เหมือนปกติ ทั้งนี้ แพทย์ปัจจุบันจะเรียกโรคกษัยเส้นว่า “ไฮโปไกลซีเมีย” (Hypoglycemia) หรือโรคที่มีความหลากหลายของอาการ ได้แก่ ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ปวดเนื้อปวดตัวเรื้อรัง นอนไม่หลับ ฯลฯ ซึ่งมักไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรค 
กระนั้นโดยสรุป โรคกษัยเส้นจึงหมายถึงโรคที่เกิดจากความสึกหรอ หรือความเสื่อมโทรมของร่างกาย โดยเป็นความสึกหรอ เสื่อมโทรมลงของเอ็นกล้ามเนื้อ เอ็นยึดกระดูก (tendon) หรือเอ็นยึดข้อ (ligament) หรือแนวมัดกล้ามเนื้อ ซึ่งมีอยู่ทั่วร่างกาย จึงเป็นที่มาของคำว่า “กษัยเส้น” ซึ่งจะทำให้มีอาการดังนี้ 

1.เกิดการอักเสบของเส้น ทำให้มีอาการเจ็บ หรือชา หรือปวดแสบ ร้อน ตามเส้น ที่แขน หรือขา 
2.อาการปวดหลัง (ปวดเส้นเอ็นหลังหรือกล้ามเนื้อหลัง) หรือปวดบั้นเอว หรือปวดบั้นเอวแล้วปวดเส้นเอ็น ลงไปที่ขา บางรายอาจถึงเท้า 
3.เส้นเอ็นตึง เส้นตึง หรือ เส้นยึด ที่แขน ขา หน้าท้อง คอด้านหลัง ทำให้ยกแขนไม่ขึ้น นั่งยองๆ หรือ นั่งพับเพียบยาก หรือนั่งแล้วก็ลุกยาก เอี้ยวตัวยาก ตกหมอน หรือตื่นนอน แล้วไม่สามารถลุกขึ้นได้ทันที 
4.ปวดเมื่อยตามร่างกาย เช่น แขน บ่า ขา เป็นต้น หรือมีอาการปวดหัวเข่า เข่าบวม 
5.เส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ เจ็บฝ่าเท้า หรือส้นเท้า ทำให้เดินลำบาก 

เกี่ยวกับ ยากษัยเส้น 
อย่างที่ได้บอกไปแล้วโรคกษัยเส้นเป็นโรคที่แพทย์แผนปัจจุบันมักไม่ทราบสาเหตุของการเกิด จึงยากที่รักษาให้หายขาดได้ แถมยาแผนปัจจุบันมักเป็นการใช้เพื่อรักษาเฉพาะจุด อย่างเช่น ยาแก้ปวด ยาแก้เจ็บคอ ยาแก้ท้องเสีย เป็นต้น ฉะนั้นยากษัยเส้นที่นิยมใช้กันจึงเป็นยาแผนโบราณ เพราะสามารถแก้อาการปวดได้ชะงัด โดยแพทย์แผนโบราณจะใช้วิธีสอบถามอาการจากคำบอกเล่าของผู้ป่วย ดูอาการแสดงออก และถามความเป็นมาของอาการ ระยะเวลาของอาการ ฯลฯ หลังจากนั้นจึงให้รับประทานยากษัยเส้น อย่างก็ตาม ยากษัยเส้นที่นิยมใช้กัน ได้แก่ ตราเทพธิดา และตราเด็กในพานทอง 


ข้อดีของยากษัยเส้น 
ตามตำรับยากษัยเส้น มักจะมีส่วนประกอบของสมุนไพรที่เป็นตัวยามากมายยกตัวอย่างเช่น บอระเพ็ดพุงช้าง แห้วหมู ขิง กำลังช้างสาร ดอกดึง เป็นต้น ซึ่งมีสรรพคุณแก้กษัยเส้นหรือปวดเมื่อยตามร่างกาย (เส้นตึง เอ็นตึง ปวดขา ปวดเข่า) ปรับธาตุ 4 ให้เป็นปกติ แก้แพ้ผื่นคัน ช่วยเจริญอาหาร รับประทานได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เป็นข้อดีที่หาได้ยากในยาแผนปัจจุบัน 
อย่างไตก็ตาม ด้วยความที่มีสมุนไพรซึ่งเป็นสูตรเฉพาะอยู่จำนวนมาก จึงทำให้ยากษัยเส้นอาจมีผลข้างเคียงต่อผู้ป่วยได้หากรับประทานผิดวิธี ดังนั้น การใช้ยากษัยเส้นควรผ่านการพิจารณาจากผู้มีความเรื่องยาแผนโบราณโดยตรง จึงจะสามารถรักษาอาการปวดเมื่อยที่เกิดจากโรคกษัยเส้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับคนที่รักในสุขภาพ ว่าคงจะเคยได้ยินคำว่า กษัยเส้น ผ่านหูกันมาบ้าง แต่เชื่อว่าหลายๆคน อาจจะยังไม่เข้าใจว่า กษัยเส้น นั้นคืออะไร มีอาการอย่างไร และมีอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่ ถ้าหากใครยังไม่เข้าใจว่าอาการ กษัยเส้น เป็นอย่างไรนั้น สามารถติดตามอ่านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอาการ กษัยเส้น ได้จากบทความชิ้นนี้กันเลย 

อาการ กษัยเส้น คืออะไร? 

กษัยเส้น โดยรวมแล้ว ในทางการแพทย์แผนไทย มีความหมายของอาการเจ็บป่วย ที่เกิดขึ้นจากความเสื่อมโทรมของ “เส้น” ต่างๆในร่างกาย เช่น เอ็นกล้ามเนื้อ เอ็นยึดกระดูก เอ็นยึดข้อเท้า และแนวมัดกล้ามเนื้อที่มีกระจายอยู่ทั่วไปในร่างกาย เมื่อเส้นเหล่านี้เกิดความเสื่อมสภาพขึ้น ก็จะก่อให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆขึ้นภายในร่างกาย กษัยเส้น จึงถือว่าเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากความเสื่อมของร่างกาย โดยไม่ได้เกิดขึ้นจากเชื้อโรคเหมือนกับโรคทั่วไป ซึ่งโรค กษัยเส้น สามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ดังต่อไปนี้ 


สำหรับคนที่รักในสุขภาพ ว่าคงจะเคยได้ยินคำว่า กษัยเส้น ผ่านหูกันมาบ้าง แต่เชื่อว่าหลายๆคน อาจจะยังไม่เข้าใจว่า กษัยเส้น นั้นคืออะไร มีอาการอย่างไร และมีอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่ ถ้าหากใครยังไม่เข้าใจว่าอาการ กษัยเส้น เป็นอย่างไรนั้น สามารถติดตามอ่านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอาการ กษัยเส้น ได้จากบทความชิ้นนี้กันเลย 

อาการ กษัยเส้น คืออะไร? 

กษัยเส้น โดยรวมแล้ว ในทางการแพทย์แผนไทย มีความหมายของอาการเจ็บป่วย ที่เกิดขึ้นจากความเสื่อมโทรมของ “เส้น” ต่างๆในร่างกาย เช่น เอ็นกล้ามเนื้อ เอ็นยึดกระดูก เอ็นยึดข้อเท้า และแนวมัดกล้ามเนื้อที่มีกระจายอยู่ทั่วไปในร่างกาย เมื่อเส้นเหล่านี้เกิดความเสื่อมสภาพขึ้น ก็จะก่อให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆขึ้นภายในร่างกาย กษัยเส้น จึงถือว่าเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากความเสื่อมของร่างกาย โดยไม่ได้เกิดขึ้นจากเชื้อโรคเหมือนกับโรคทั่วไป ซึ่งโรค กษัยเส้น สามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ดังต่อไปนี้ 

1.อาการของโรคกษัยเส้นโอปาติกะ จะมีอาการทำให้ไม่อยากอาหาร นอนหลับไม่สนิท อ่อนเพลีย ง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา รู้สึกคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้องน้อย ปวดเมื่อนตามตัว ร่างกายซูบผอมมากกว่าปกติ มีอาการเหงื่อออกตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า สมองมึนงง เมื่ออากาศเย็น หรือชื้น มักจะทำให้รู้สึกอยากปัสสาวะบ่อยๆ นอกจากนี้ยังมีอาการจุกเสียด แน่น ปวดท้อง น่อง อีกด้วย 

2.อาการของโรคกษัยเส้นกร่อนมักทำให้เกิดอาการเส้นท้องตึง เจ็บเอว มือเท้ามีอาการชา ตาฝ้าฝาง หู้อื้อ ท้องอืด ไม่อยากอาหาร รวมไปถึงอาการปวดเสียด เป็นต้น 

อาการ กษัยเส้น ส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไรบ้าง? 

เมื่อเกิดอาการ กษัยเส้น ขึ้น ก็จะทำให้ร่างกายเกิดความผิดปกติต่างๆขึ้น ซึ่งส่งผลเป็นอย่างมากในการใช้ชีวิตประจำวัน ดังต่อไปนี้ 

1.อาการอักเสบของเส้น ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด ชา ปวดแสบ ร้อน ตามเส้นต่างๆในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณแขน หรือขา เป็นต้น 

2.อาการปวดหลัง โดยรู้สึกเจ็บปวดที่บริเวณเส้นเอ็น กล้ามเนื้อหลัง บั้นเอว รวมไปถึงอาการปวดเส้นเอ็นลงไปที่ขา หรือเท้า 

3. อาการเส้นเอ็นตึง เส้นตึง หรือเสนยึด ที่บริเวณแขน ขา หน้าท้อง คอด้านหลัง ในบางครั้งอาจทำให้ไม่สามารถยกแขนขึ้น ไม่สามารถนั่งยองๆ หรือนั่งพับเพียบได้อย่างสะดวก ในบางครั้งเมื่อนั่งแล้วอาจจะทำให้ลุกขึ้นยาก กลับตัวไม่สะดวก รวมไปถึงเมื่อตื่นนอนแล้วไม่สามารถลุกขึ้นจากที่นอนได้ในทันที 

4.อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย เช่น บริเวณแขน ขา และบ่า เป็นต้น 

5.อาการปวดเส้นเอ็นฝ่าเท้า อาการอักเสบที่ฝ่าเท้า หรือส้นเท้า ส่งผลทำให้เดินได้ลำบาก 

6.อาการปวดหัวเข่า หรือหัวเข่าบวม 

สำหรับคนที่เกิดปัญหา กษัยเส้น ขึ้น และกำลังกังวลใจ ไม่รู้ว่าควรทำการดูแล รักษา และฟื้นฟูสุขภาพของตัวเองอย่างไรให้กลับไปสู่ช่วงที่มีสภาพดีที่สุด คุณสามารถที่จะเริ่มต้นดูแลสุขภาพของตัวเองได้อย่างง่ายๆ ด้วยการทานผลิตภัณ์สมุนไพร แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า ผลิตภัณฑ์สมุนไพรชิ้นใด จึงจะส่งผลดีกับสุขภาพของตัวเองมากที่สุดนั้น 
ที่สกัดจากสมุนไพรนานาชนิดที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่งในการบำรุง ดูแล และฟื้นฟูสุขภาพให้มีความแข็งแรง พร้อมช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคภัยต่างๆที่บั่นทอนสุขภาพ